ในวัยเด็กของวอลท์
ดิสนีย์ไม่มีคำว่าความสุขสักเท่าไหร่นัก
เพราะพ่อผู้จริงจังและเคร่งเครียดมักจะดุด่าว่ากล่าวใส่เขาเสมอ
ไม่เคยแม้จะกล่าวคำชมหรือคำปลอบใจและมักจะเฆี่ยนตี เวลาที่รู้ว่าวอลท์
ดิสนีย์วาดรูปเล่นบนฝาผนังของโรงนา แต่วอลท์ ดิสนีย์ไม่เคยหยุดที่จะวาดรูปเพราะสิ่งเหล่านี้คือความสุขของเขา
เมื่อเข้าวัยมัธยม ดิสนีย์ เคยขอพ่อของเขาเข้าเรียนที่ Chicago
Academy of Fine Arts แต่พ่อปฏิเสธไม่เห็นด้วย
จึงไม่ออกเงินค่าเล่าเรียนให้ วอลท์
ดิสนีย์จึงพยายามเก็บหอมรอมริบเงินค่าเทอมเอาเองทีละนิดทีละน้อยจนครบ
ที่นั่นเขาพบนักวาดการ์ตูนเก่งๆหลายคนและตั้งความฝันว่าจะต้องเป็นนักวาดการ์ตูนประจำหนังสือพิมพ์บ้างในสักวันหนึ่ง
หลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง วอลท์ ดิสนีย์เข้าสมัครงานกับทางสำนักพิมพ์
แต่ก็ถูกปฏิเสธและกลับได้เข้าทำงานที่บริษัทเล็กๆแห่งหนึ่งที่แค่รับวาดการ์ตูนประกอบโฆษณา
ถึงจะไม่เป็นไปอย่างที่เขาใฝ่ฝันแต่เขาก็สนุกกับการที่ได้วาดรูป วาดการ์ตูนทุกๆวัน
หลังจากนั้นไม่นานบริษัทก็เลิกจ้างเขาเพราะงานน้อยลง
ดิสนีย์และเพื่อนสนิทของเขาจึงตัดสินใจไปตั้งบริษัทเอง ซึ่งรับวาดรูปประกอบต่างๆ
จนวันหนึ่งบริษัทหนังโฆษณาแห่งหนึ่งประกาศหานักวาดภาพประกอบ
ดิสนีย์ได้เข้าสมัครงานที่นั่นตามคำแนะนำของเพื่อน
ที่บริษัทแห่งนั้นทำให้เขารู้จักกับการทำการ์ตูนเคลื่อนไหว เขากลับมาบอกกับเพื่อนและ
เริ่มทำการ์ตูนสั้นๆด้วยกัน เมื่อทำมาได้สองถึงสามเรื่อง
การ์ตูนสั้นของเขาได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ต่อมาวอลท์ ดิสนีย์รวบรวมเพื่อนๆนักวาดพากันสร้างการ์ตูนเรื่อง
"อลิซในแดนมหัศจรรย์"
ซึ่งตัวอลิซนั้นใช้เด็กผู้หญิงจริงๆแสดงแต่ตัวละครอื่นๆนั้นเป็นตัวการ์ตูนที่เคลื่อนไหวได้
เรื่องนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงนั้นต่อมาไม่นานพ่อแม่ของเด็กหญิงเริ่มมีการเรียกค่าตัวในราคาที่แพงมาก
จนดิสนีย์ไม่สามารถจ่ายได้
เขาจึงหันมาสร้างการ์ตูนตัวละครตัวใหม่แทนคือเจ้ากระต่าย ชื่อ
ออสวอลท์ซึ่งดังมากจนดิสนีย์ทำการ์ตูนชุดแทบไม่ทันต่อมาภายหลังเขาได้รู้ว่าเพื่อนร่วมบริษัทโกงไว้เป็นสินส่วนตัวไปแล้ว
แต่แทนที่จะนั่งเสียดายกระต่ายตัวนั้น เขากลับสร้างเจ้าหนูสีดำตัวหนึ่งขึ้นมา ชื่อ Mortimer ภรรยาของเขาคิดว่าชื่อของหนูตัวนี้ยาวเกินไป
น่าจะมีชื่อเรียกที่ง่ายกว่านี้ อย่าง "มิกกี้"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น